3 เคล็ดลับการนอนหลับอย่างไรให้ถูกวิธี

การนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ เป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญที่จะทำให้การใช้ชีวิตของเรานั้นมีประสิทธิภาพและทำให้หลายๆคนนั้นมีสุขภาพร่างกายที่ดี ซึ่งรู้หรือไม่ว่าการที่เรานอนเยอะๆ

หรือนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอตามความต้องการของร่างกายจะมีความสำคัญแล้ว การนอนหลับอย่างไรให้ถูกวิธีนั้นก็ถือเป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญที่จะสามารถสร้างสุขภาพร่างกายที่ดีให้แก่เราได้เช่นกัน

เพราะไม่ว่าใครก็ตามในสมัยปัจจุบันนี้คงยากที่จะมีรูปร่างที่ดีอยากมีสุขภาพร่างกายที่ดีจากภายในสู่ภายนอก เพราะไม่ว่าใครก็ตาม คงอยากใช้ชีวิตในประจำวันให้มีประสิทธิภาพมากที่สุด

เพราะในสมัยนี้ไม่เพียงแต่การออกกำลังกายเป็นประจำอย่างสม่ำเสมอหรือการเลือกรับประทานอาหารที่ดีและมีประโยชน์เป็นประจำ จะสามารถสร้างสุขภาพร่างกายที่ดีให้แก่หลายๆคนได้

 

แต่การนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพออย่างถูกวิธีนั้นจะยิ่งช่วยเสริมสร้างสุขภาพร่างกายที่ดีให้แก่หลายๆคนไม่อยากมีประสิทธิภาพ ถึงแม้ว่าคนส่วนใหญ่มักที่จะมีพฤติกรรมการนอนน้อยก็ตาม ฉะนั้น สำหรับใครที่มีปัญหาเกี่ยวกับการนอนหรืออยากนอนหลับอย่างไรให้ถูกวิธีเพื่อลดโอกาสเสี่ยงต่อการเป็นโรคร้ายต่างๆ

 เคล็ดลับการนอนหลับ เกี่ยวกับการนอนวันนี้เราก็จะมาแนะนำเคล็ดลับง่ายๆที่จะช่วยให้คุณนั้นนอนหลับอย่างถูกวิธีแถมยังมีสุขภาพร่างกายที่ดีอีกด้วย จะมีอะไรกันบ้างไปดูกันเลย

การเลือกสภาพแวดล้อมให้เหมาะสม แน่นอนว่าการที่เรามีสภาพแวดล้อมภายในห้องนอนของเราที่มีความเหมาะสมจะสามารถทำให้การนอนหลับของเรามีประสิทธิภาพและถูกวิธีได้มากยิ่งขึ้น ซึ่งจะทำให้การนอนของเรานั้นหลับสนิท ไม่มีเสียงรบกวน หรือสิ่งอื่นๆที่อาจทำให้เรานั้นอาจตื่นในระหว่างกลางคืนได้ ซึ่ง  เครื่องช่วยฟังขนาดเล็ก   จริงๆทำให้เรานั้นนอนหลับได้เต็มอิ่มและมีประสิทธิภาพได้ว่ายิ่งขึ้น

การหลีกเลี่ยงอาหารบางประเภท หลายคนอาจจะทราบกันเป็นอย่างดีอยู่แล้วว่าอาหารบางประเภทหากเราเลือกดื่มก่อนนอนนั้นจะทำให้การนอนหลับของเราไม่มีประสิทธิภาพและส่งผลกระทบต่อการนอนได้ ฉะนั้นหากใครอยากนอนหลับให้มีประสิทธิภาพและถูกวิธีการหลีกเลี่ยงอาหารบางประเภทที่อาจเป็นตัวกระตุ้นการนอนหลับของเราถือเป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญที่จะทำให้การนอนของเรามีประสิทธิภาพแถมยังช่วยลดโอกาสเสี่ยงต่อการเป็นโรค ได้ง่ายมากยิ่งขึ้นอีกด้วย

การผ่อนคลายจากความเครียด รู้หรือไม่ว่าความเครียดอาจเป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญที่จะทำให้การนอนของเราไม่มีประสิทธิภาพแถมยังอาจทำให้เรามีความกดดันหรือวิตกกังวลต่างๆในระหว่างการนอนได้ ซึ่งหากเรามีพฤติกรรมแบบนี้อยู่บ่อยๆจะยิ่งทำให้การนอนของเราไม่ถูกวิธีและไม่มีประสิทธิภาพได้ ฉะนั้น ทางที่ดีเราควรที่จะ ผ่อนคลายจากความเครียดให้ได้มากที่สุด เพื่อทำให้สุขภาพร่างกายของเรา นอนหลับได้อย่างมีประสิทธิภาพนั่นเอง

พฤติกรรมที่ทำให้เราเสี่ยงต่อการเป็นริดสีดวง

รู้หรือไม่ว่าคนส่วนใหญ่ในสมัยปัจจุบันนี้มักที่จะมีพฤติกรรมเสี่ยงต่อการเป็นริดสีดวงกันเป็นอย่างมาก เพราะบางคนนั่งห้องน้ำนานเกินไปก็เพียงเพราะว่าเล่นโทรศัพท์มือถือ หรือแม้แต่อาจจะทำสิ่งอื่นๆภายในห้องน้ำนานจนเกินไป ซึ่งแน่นอนว่าการที่เรานั่งห้องน้ำนานถือเป็นหนึ่งในพฤติกรรมที่ทำให้เราเสี่ยงต่อการเป็นโรคริดสีดวงได้ง่าย

เสี่ยงต่อการเป็นริดสีดวง เนื่องจากโลกนี้ถือเป็นหนึ่งในโลกที่อาจเกิดขึ้นจากความผิดปกติของร่างกาย ซึ่งร่างกายของเรา จะตอบสนองด้วยการแสดงอาการบางอย่างออกมาเพียงเล็กๆน้อยๆเท่านั้น

ซึ่งหากเราปล่อยไว้ก็จะยิ่งทำให้เรานั้นมีอาการที่รุนแรงจนเสี่ยงต่อการเป็นโรคริดสีดวงนั่นเอง ฉะนั้น การดูแลสุขภาพร่างกายของตนเองให้ดีโดยที่ไม่มีความเสี่ยงต่อการเป็นโรคร้ายถือเป็นหนึ่งในปัจจัยที่จะทำให้เรานั้นสามารถใช้ชีวิตในประจำวันได้อย่างมีประสิทธิภาพ

แต่ทว่า เนื่องจากการใช้ชีวิตของคนส่วนใหญ่แตกต่างกันออกไปทำให้บางคนนั้นอาจมีพฤติกรรมที่ทำให้ตนเองนั้นเสี่ยงต่อการเป็นโรคริดสีดวงโดยที่ตนเองก็อาจไม่รู้ตัว ซึ่งวันนี้เราก็จะพาทุกคนไปดูกันว่าจะมีพฤติกรรมไหนกันบ้างที่ทำให้เรานั้นเสี่ยงต่อการเป็นโรคริดสีดวง ไปดูกันเลย

  • นั่งหรือยืนนานจนเกินไป

ถึงแม้ว่าพฤติกรรมนี้จะเป็นพฤติกรรมที่คนส่วนใหญ่มักที่จะทำกันอยู่บ่อยๆและมักที่จะมองข้ามการเป็นโรคร้าย เพราะ พฤติกรรมการนั่งหรือการยืนนานๆนอกจากจะส่งผลให้กล้ามเนื้อของเราเกิดอาการเกร็งได้แล้วยังเสี่ยงต่อการเป็นโรคริดสีดวงได้อีกด้วย เพราะการที่เรานั่งหรือยืนนานๆนั้นจะทำให้เลือดคั่งค้าง อยู่บริเวณหลอดเลือดทวารหนัก จนทำให้เกิดการพองตัว และทำให้เราเสี่ยงต่อการเป็นโรคริดสีดวงได้นั่นเอง

  • พฤติกรรมการเบ่งอุจจาระ

เชื่อว่าคนส่วนใหญ่มักที่จะมีพฤติกรรมการเบ่ง อุจจาระแรงแรงเพื่อให้ อุจจาระภายในร่างกายนั้นออกมาได้อย่างสบายใจ แต่รู้หรือไม่ว่า การที่เรามีพฤติกรรมการเบ่งอุจจาระแรงๆนั้น จะยิ่งทำให้เราได้รับความเสี่ยงต่อการเป็นโรคริดสีดวง เพราะพฤติกรรมนี้จะยิ่งทำให้เลือดภายในร่างกายของเราข้างๆอยู่หลอดเลือดทวารหนัก จนทำให้หลอดเลือดเกิดการพองตัว และมีอาการเนื้อปลิ้นออกมาคล้ายๆอยู่ริดสีดวงนั่นเอง

  • พฤติกรรมการไม่รับประทานผัก

เนื่องจากคนส่วนใหญ่มักที่จะมีพฤติกรรมการไม่ชอบทานผักเพราะอาจจะมองว่าพรรคมีรสชาติขม แถมยังมีกลิ่นที่เหม็นเขียวอีกด้วย จึงทำให้หลายคนมองว่าผักนั้นถือเป็นหนึ่งในอาหารที่ไม่น่ารับประทานแต่รู้หรือไม่ว่าการที่เรามีพฤติกรรมการไม่รับประทานผักนั้นจะยิ่งทำให้ระบบขับถ่ายหรือระบบย่อยอาหารของเราทำงานไม่มีประสิทธิภาพแถมยังทำให้เราได้รับความเสี่ยงต่อการเป็นโรคริดสีดวงได้ง่ายอีกด้วย เพราะโรคนี้เป็นโรคที่เกิดขึ้นจากความผิดปกติของระบบขับถ่ายยิ่งถ้าเราไม่ทานผักเพื่อกระตุ้นระบบขับถ่าย จะยิ่งทำให้เราถ่ายยาก และเสี่ยงกับการเป็นโรคริดสีดวงนั่นเอง

 

ได้รับการสนับสนุนเนื้อหาโดย    เครื่องช่วยฟังตัดเสียงรบกวน

ข้อดีของการทานฟักทองเป็นประจำ

ฟักทองถือเป็นหนึ่งในอาหารที่เรียกได้ว่ามีประโยชน์ต่อสุขภาพร่างกายของเราเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับคนที่กำลังอยู่ในช่วงของการลดน้ำหนัก เพราะฟักทองนั้นจะอุดมไปด้วยสารอาหารที่ดีและมีประโยชน์ต่อสุขภาพร่างกายของเราเป็นอย่างมาก

แถมยังสามารถนำมาประกอบอาหารได้หลากหลายเมนูมาก ๆ และมีรสชาติที่อร่อยถูกปาก ทานง่าย ได้ประโยชน์มากมายอีกด้วย รู้หรือไม่ว่าในฟักทองนั้นจะอุดมไปด้วยวิตามิน สารต้านอนุมูลอิสระ แร่ธาตุ แถมยังมีแคลอรีทที่ต่ำมาก ๆ

ซึ่งสามารถเริมสร้างภูมิคุ้มกันได้ ช่วยบำรุงผิวพรรณ และเหมาะสำหรับคนที่อยู่ในช่วงของการลดน้ำหนักอีกด้วย อย่างไรก็ตาม หลายคนอาจจะทราบแค่ว่าฟักทองนั้นขึ้นชื่อนในเรื่องของการลดน้ำหนักเพียงอย่างเดียว

แต่ใความเป็นจริงแล้วฟักทองนั้นมีประโยชน์มากมายกว่าที่คุณคิด ซึ่งวันนี้เราก็จะพาทุกคนไปดูกันว่า หากเราทานฟักทองเป็นประจำนั้นอาจได้อะไรจากการทานฟักทองกันบ้าง ไปดูกันเลย 

  • ฟักทองช่วยปกป้องสายตาได้

ข้อดีของการทานฟักทองเป็นประจำ รู้หรือไม่ว่าฟักทองถือเป็นหนึ่งในอาหารที่ขึ้นชื่อในเรื่องของการบำรุงสายตาเป็นอย่างมาก เพราะอุดมไปด้วยวิตามินเอ ที่มาจากสารแคโรทีน จึงมีส่วนช่วยในการบำรุงสายตา ช่วยปกป้องายตาของเราจากแสงที่อาจเป็นตัวทำร้ายสายตาของเราได้เป็นอย่างดี และที่สำคัญยังมีส่วนช่วยในการลดความเสื่อมของจอประสาทตาเมื่อเราอายุเริ่มมากขึ้นได้อีกด้วย

  • ฟักทองขึ้นชื่อเรื่องการลดน้ำหนัก

เนื่องจากในฟักทองนั้นจะอุดมไปด้วยไฟเบอร์ที่สูงมาก ๆ รวมไปถึงมีใยอาหารไม่แพ้ผลไม้ชนิดอื่น ๆ ซึ่งขอบอกเลยว่าหากเราทานเป็นประจำนั้น นอกจากจะช่วยให้เราอิ่มท้องได้นานมากยิ่งขึ้นแล้ว ยังช่วยลดความอยากอาหารได้เป็นอย่างดี และที่สำคัญยังมีส่วนช่วยในการกระตุ้นการทำงานขงระบบย่อยอาหาร แถมยังช่วยป้อกันการเกิดอาการท้องผูกได้เป็นอย่างดีอีกด้วย

  • ฟักทองช่วยลดความเสี่ยงต่อกาเป็นโรคมะเร็ง

แน่นอนว่าโรคมะเร็ง ถือเป็นหนึ่งในโรคที่เกิดขึ้น และพบเจอได้บ่อยมาก ๆ แถมยังเป็นโรคที่คนส่วนใหญ่มักที่จะพบเจอกันอยู่บ่อย ๆ อีกด้วย แต่รู้หรือไม่ว่า โรคมะเร็งนั้นสามารถลดความเสี่ยงและลดการเกิดได้ด้วยการรับประทานฟักทองเป็นประจำ เพราะในฟักทองนั้นจะมีเบต้าแคโรทีน ที่สามารถลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคมะเร็งได้เป็นอย่างดี

เครื่องช่วยฟัง ดิจิตอล     ซึ่งหากใครที่คิดว่าตนเองมีวามเสี่ยง การทานฟักทองเป็นประจำนอกจากจะได้สุขภาพร่างกายที่ดี ยังสามารถช่วยป้องกันโรคร้ายได้เป็นอย่างดี 

3 เคล็ดลับการเลือกทานอาหารสำหรับสาวสายเฮลท์ตี้

สำหรับสาวสายเฮลท์ตี้ รู้หรือไม่ว่าการที่เราลดน้ำหนักในแต่ละครั้งนั้น ร่างกายของเราจะได้รับผลกระทบอะไรบ้าง ซึ่งแน่นอนว่าอาจจะทำให้ร่างกายของเราได้รับความเสี่ยงอันตรายต่าง ๆ มากมายได้ โดยทางที่ดีการที่เราหันมาให้ความสำคัญกับการลดน้ำหนักอย่างถูกวิธีนั้นถือเป็นหนึ่งในปัจจัยที่เราไม่ควรมองข้ามอย่างเด็ดขาด

เพราะนอกจากจะช่วยทำให้การลดน้ำหนักมีประสิทธิภาพแล้ว ยังไม่เป็นการทำร้ายสุขภาพร่างกายของเราได้อีกด้วย

ฉะนั้น เชื่อว่าหนุ่ม ๆ สาว ๆ ส่วนใหญ่ในสมัยปัจจุบันนี้เริ่มที่จะหันมาให้ความสำคัญกับการดูแลสุขภาพร่างกายของตนเองมากขึ้นเรื่อย ๆ อย่างแน่นอน เพราะไม่ว่าใครก็คงอยากที่จะมีสุขภาพร่างกายที่ดี มีรูปร่างที่สวย เพื่อเพิ่มความมั่นใจ และเพิ่มบุคลิกภาพในการใช้ชีวิตนั่นเอง

อย่างไรก็ตาม การเลือกรับประทานอาหาร หรือการออกกำลังกายควบคู่ไปด้วยจึงเป็นปัจจัยสำคัญที่เราควรให้ความสำคัญ ซึ่งสำหรับหนุ่ม ๆ สาว ๆ คนไหนที่เป็นสายรักสุขภาพ หรือสายเฮลท์ตี้ อยากดูแลสุขภาพร่างกายของตนเองให้ดี วันนี้เราก็จะมาแนะนำการเลือกทานอาหารสำหรับสายเฮลท์ตี้ หรือสานรักสุขภาพ จะมีเคล็ดลับการเลือกทานอาหารแบบไหนกันบ้างไปดูกันเลย

  • การลดคาร์โบไฮเดรต

สิ่งสำคัญที่จะทำให้เรามีสุขภาพร่างกายที่ดีได้นั้นก็คือ การที่เราลดปริมาณการทานคาร์โบไฮเดรตให้ลดน้อยลง เพราะอาหารจำพวกนี้คือแป้งที่อาจเปลี่ยนไปเป็นน้ำตาล จึงอาจทำให้ร่างกายของเราเกิดการสะสมของไขมัน หรือทำให้เราอ้วนได้นั่นเอง ฉะนั้น การที่เราลดปริมาณการทานอาหารจำพวกนี้ให้น้อยลง ก็จะสามารถลดการสะสมของน้ำตาลภายในร่างกาย ไม่ทำให้ร่างกายมีการสะสมของไขมันนั่นเอง และจะทำให้การลดน้ำหนัก หรือทำให้พุงของเรานั้นลดลงอย่างเห็นได้ชัด

  • การเลี่ยงของหวาน

แน่นอนว่าสาว ๆ ส่วนใหญ่คงจะชื่นชอบการทานของหวานกันอย่างแน่นอน ซึ่งรู้หรือไม่ว่า ของหวานเป็นหนึ่งในอาหารที่ทำให้เราอ้วนได้ง่าย แถมยังทำให้ร่างกายของเราเสี่ยงต่อการเป็นโรคร้ายต่าง ๆ ได้ง่ายอีกด้วย ฉะนั้น หากเรารักในสุขภาพของตนเองหากหลีกเลี่ยงอาหารของหวานได้ ก็จะช่วยควบคุมน้ำหนักได้ แถมยังทำให้เกิดผลได้ชัดเจนนั่นเอง

  • การเน้นโปรตีนและไฟเบอร์

เนื่องจากอาหารที่อุดมไปด้วยไฟเบอร์ จะสามารถช่วยกระตุ้นการทำงานของระบบขับถ่ายของเราได้ รวมไปถึงโปรตีน ซึ่งจะมีส่วนช่วยในการเสริมสร้างมวลกล้ามเนื้อให้แก่ร่างกายของเราได้ ดังนั้น หากใครที่อยากมีรูปร่างที่ดี มีหุ่นที่สวย หรือทำให้การลดน้ำหนักนั้นมีประสิทธิภาพ ทางที่ดีควรเลือกทานอาหารจำพวกโปรตีน หรือไฟเบอร์เยอะ ๆ เพื่อเป็นการกระตุ้นการทำงานของร่างกายให้สามารถเสริมสร้างมวลกล้ามเนื้อ หรือช่วยทำให้เรามีรูปร่างที่สวยสุขภาพดีได้

 

สนับสนุนเนื้อหาโดย    ตรวจการได้ยินออนไลน์

การเดินทางของ The Collective: สร้างแบรนด์อย่างมีเป้าหมาย

การเดินทางของ The Collective ค้นหาวิธีที่บริษัทโยเกิร์ต The Collective ปูทางในภาคผลิตภัณฑ์นมโดยให้ความสำคัญกับสุขภาพและความยั่งยืนในผลิตภัณฑ์ของตน The Collective ก่อตั้งขึ้นตามพันธกิจที่จะเขย่าโลกของนมและ ต่อสู้เพื่ออาหารที่ดีและนี่คือหัวใจสำคัญของทุกสิ่งที่เราทำ เราทำโยเกิร์ตแสนอร่อยที่ไม่เพียงแต่ดีต่อผู้คน ดีต่อสุขภาพ และอร่อย

แต่ยังดีต่อโลกด้วย การเดินทางของเราเริ่มต้นขึ้นเมื่อแรกเริ่มก่อตั้งบริษัทโดยเชฟผู้ประกอบการสองคนในนิวซีแลนด์ ตั้งแต่นั้นมา เราได้เห็นการเติบโตที่สำคัญและการเปลี่ยนแปลงในเชิงบวก

ในขณะที่เรามองหาผลิตภัณฑ์นมรสชาติดีให้กับผู้คนจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ และเป็นผู้บุกเบิกนวัตกรรมแห่งอนาคตในหมวดผลิตภัณฑ์นมและผลิตภัณฑ์ปราศจากนม หัวใจสำคัญของการบรรลุเป้าหมายนี้คือวัฒนธรรมที่ครอบคลุม ร่วมมือ ซื่อสัตย์ และคล่องตัวของเรา

เราตระหนักถึงความสำคัญของการให้ความสำคัญกับวัฒนธรรมเป็นอันดับแรก และนี่เป็นจุดสนใจหลักตั้งแต่ฉันรับตำแหน่งหัวหน้าทีมในสหราชอาณาจักรและยุโรปในเดือนมีนาคม 2020 โดยเคยดำเนินธุรกิจในนิวซีแลนด์มาก่อน

กลายเป็น B Corp หลักชัยสำคัญประการหนึ่งของเราที่ The Collective คือการได้รับการรับรองจาก B Corp ในปี 2021 และเรามุ่งมั่นที่จะพยายามอย่างต่อเนื่องเพื่อพัฒนาให้ดีขึ้นในสามประการของเรา ได้แก่ ผู้คน โลก และผลิตภัณฑ์

ทุกอย่างเริ่มต้นจากผู้บริโภคของเรา มรดกของเราเต็มไปด้วยจินตนาการและนวัตกรรม เชฟสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์รสชาติเยี่ยมและประสบการณ์การรับประทานอาหารที่น่าตื่นเต้น

และเราภูมิใจที่ได้พัฒนาเพื่อเป็นผู้นำผู้บริโภคมากขึ้นเมื่อเราเติบโต เป็นการเปลี่ยนแปลงขั้นตอนหนึ่งและเกี่ยวข้องกับการมีส่วนร่วมกับผู้บริโภคของเรามากขึ้นเกี่ยวกับสิ่งที่พวกเขากำลังมองหา เช่นเดียวกับการระบุวิธีที่เราสามารถตอบสนองความต้องการของพวกเขาได้ดีที่สุด

ผู้บริโภคที่รู้จักเรามีความภักดีอย่างมากและสนับสนุนการเดินทางของเรา แต่อัตราคอนเวอร์ชั่นสูงของผู้บริโภครายใหม่ที่ได้ยินเกี่ยวกับแบรนด์ของเราเป็นครั้งแรกและยังคงซื้อต่อไปหลังจากที่พวกเขาได้ลองโยเกิร์ตแสนอร่อยของเรานั้นน่าตื่นเต้นมาก ควบคู่ไปกับการมุ่งเน้นที่ผู้บริโภคของเราก็คือ เราเป็นธุรกิจที่มีจุดมุ่งหมาย และสิ่งนี้สะท้อนให้เห็นในเส้นทาง B Corp ของเรา

มี B Corps น้อยกว่า 1,000 แห่งในสหราชอาณาจักร และจำนวนนี้แสดงให้เห็นว่ายากเพียงใดที่จะได้รับการรับรอง โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเป็นธุรกิจนม นี่เป็นความสำเร็จที่สำคัญสำหรับเราและเป็นความสำเร็จที่ได้รับการยอมรับจากผู้เล่นชั้นนำอื่นๆ ในอุตสาหกรรม

การเดินทางครั้งนี้ยังฝังแน่นอยู่ในวัฒนธรรมของเราและช่วยกำหนดข้อความของนายจ้างให้กว้างขึ้น วิธีที่  เครื่องช่วยฟัง    เราทำธุรกิจและการปฏิบัติต่อพนักงานของเรา คนส่วนใหญ่ที่เราสัมภาษณ์สำหรับตำแหน่งใหม่กำลังค้นหาธุรกิจที่นำโดยวัตถุประสงค์และถูกดึงดูดมาหาเราเนื่องจากสถานะ B Corp ของเรา ทำให้เราแตกต่าง

จากเพื่อนร่วมงานหลายคน ช่วยให้เราสามารถรับสมัครผู้มีความสามารถที่ต้องการทำงานเพื่อเพิ่มขนาดในพื้นที่แบรนด์ผู้ท้าชิง SME และสำหรับแบรนด์ที่สร้างความสมดุลระหว่างผลกำไรกับผลกระทบต่อผู้คนและโลกของเรา เมื่อมองไปข้างหน้า เป้าหมายโดยรวมของเราคือการเป็นศูนย์คาร์บอนภายในปี 2568

ความสำเร็จครั้งสำคัญในปีที่แล้วด้วยการผลิตโยเกิร์ตนมที่ปล่อยคาร์บอนเป็นกลางเป็นครั้งแรกในสหราชอาณาจักร และการเปิดตัวกลุ่มผลิตภัณฑ์นมที่ปราศจากคาร์บอนที่เป็นกลาง และเราจะ แปลสิ่งนี้ในผลิตภัณฑ์และห่วงโซ่อุปทานทั้งหมดของเราในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า

เราทราบดีว่าการสนับสนุน ESG (สิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล) และความยั่งยืนเป็นสิ่งที่สะท้อนใจลูกค้าและผู้บริโภคของเราอย่างแท้จริง และสิ่งนี้จะยังคงเป็นแนวทางที่สำคัญสำหรับแนวทางของเราในปีต่อๆ ไปและต่อๆ ไป เทรนด์นี้มีมาระยะหนึ่งแล้ว และเราคาดการณ์ว่าสิ่งนี้จะยังคงเป็นปัจจัยสำคัญสำหรับผู้บริโภคในการตัดสินใจว่าจะซื้อสินค้าบางอย่างหรือไม่

ความงามยุค 80 และ 90

 

ความงามยุค 80 และ 90 เมื่อคุณนึกถึงยุค 80 คุณมักจะนึกถึงวิดีโอออกกำลังกาย นี่เป็นครั้งแรกที่การออกกำลังกายมีสไตล์อย่างแท้จริง ผู้หญิงเริ่มพยายามที่จะมีรูปร่างที่แข็งแรงมากขึ้นเพื่อให้ผอมและพอดี ยุค 80 เป็นช่วงเวลาสำคัญของวงการแฟชั่น โดยสื่อมีการแบ่งแยกเชื้อชาติและชาติพันธุ์มากกว่าที่เคยเป็นในปีที่ผ่านมา

นี่เป็นช่วงเวลาที่ผู้หญิงหันมาสนใจอาชีพมากขึ้นซึ่งหมายถึงการแต่งตัวเป็นส่วนหนึ่ง เทรนด์ที่คุณมักจะจำได้จากยุค 80

คือเสื้อเบลเซอร์ทรงสี่เหลี่ยมขนาดใหญ่ ผ้าปิดไหล่ ผมเส้นใหญ่ และสีสันจัดจ้าน เพียงสิบปีต่อมา ในยุค 90 มาตรฐานความงามก็เปลี่ยนไป ผู้หญิงเลือกที่จะแสดงออกมากขึ้น บางคนอยากผอมและซีดเหมือน Kate Moss และในโลกแฟชั่น ผ้ามัดย้อม เดนิม และลายสก็อตล้วนเป็นที่นิยม

สำหรับการแต่งหน้า ผู้หญิงจะปรับโทนสีสว่างของยุค 80 ให้เป็นกลางมากขึ้น อย่างไรก็ตาม ยังคงมีแสงระยิบระยับตามร่างกายอยู่มากมาย

ความงามแห่งศตวรรษที่ 21 ศตวรรษที่ 21 อาจเพิ่งเริ่มต้นเมื่อ 20 ปีที่แล้ว แต่แนวคิดเรื่องความงามยังคงเปลี่ยนไป ผู้หญิงส่วนใหญ่ต้องการหุ่นที่เพรียวขึ้นด้วยหน้าอกที่ใหญ่ขึ้นและหน้าท้องที่แบนราบ แม้ว่าสิ่งนี้ยังคงเป็นบรรทัดฐานที่ผู้หญิงหลายคนมุ่งมั่นที่จะเป็น แต่ศตวรรษนี้ทำให้เราตระหนักว่าไม่ใช่ทุกคนที่ต้องปฏิบัติตามมาตรฐานเหล่านั้น

ไม่กี่ปีที่ผ่านมามีการตื่นขึ้น ต้องขอบคุณสื่อสังคมออนไลน์ที่ทำให้เราได้เห็นความงามในหลายๆ แง่มุม กลุ่มคนที่ไม่เคยมีสิทธิ์มีเสียงมาก่อนตอนนี้ทำได้ด้วยสื่อสังคมออนไลน์ และกำลังต่อสู้กับมาตรฐานความงามแบบดั้งเดิมเพื่อเป็นตัวแทนของประเภทร่างกายและประเภทความงามทั้งหมดที่มีอยู่จริงในโลก

แทนที่จะตั้งเป้าไปที่ “รูปร่างในอุดมคติ” ผู้หญิงกลับพยายามมากขึ้นในการมีความสุขและสุขภาพดี

พวกเขากำลังพูดคุยอย่างเปิดเผยมากขึ้นเกี่ยวกับการต่อสู้ของพวกเขาและวิธีที่มาตรฐานความงามส่งผลต่อชีวิตของพวกเขา ในขณะที่ยังมีหนทางอีกยาวไกลในการอภิปรายนี้ เราคาดหวังว่าจะดำเนินต่อไปในขณะที่เราทุกคนมีร่างกายที่ดีมากขึ้น อะไรคือมาตรฐานความงามที่คงที่ที่สุด คำตอบของคำถามนี้อาจทำให้คุณตกใจ

โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าคุณโตในช่วงปี 80, 90 หรือต้นยุค 2000 ในขณะที่พวกเราหลายคนเติบโตขึ้น เราถูกโน้มน้าวให้เชื่อว่าการผอมเป็น “อุดมคติ” ซึ่งไม่เป็นความจริงเลย Curvy ได้รับการพิจารณาในอุดมคติตลอดประวัติศาสตร์ส่วนใหญ่

ทั่วโลก ความงามมักจะเชื่อมโยงกับความมั่งคั่ง บรรดาผู้ที่ออกแรงกายและกินแต่สิ่งที่จำเป็นเพื่อความอยู่รอดและทำงานต่อไป

จะผอมและมีกล้ามเนื้อเพราะพวกเขาต้องทำเพื่อที่พวกเขาจะได้ทำงานและวางอาหารไว้บนโต๊ะสำหรับครอบครัวของพวกเขา การโค้งงอสำหรับบุคคลเหล่านี้เป็นเรื่องที่หาได้ยาก ในสังคมเหล่านี้ ยิ่งผู้หญิงมีน้ำหนักมากเท่าไหร่ เธอก็ยิ่งสวยและรวยมากเท่านั้น เพราะมันหมายความว่าเธอไม่ได้อดอยากข้างถนนหรือทำงานหนัก รูปร่างที่สมบูรณ์ยังหมายถึงความอุดมสมบูรณ์ แต่เหนือสิ่งอื่นใด มันบ่งบอกถึงชนชั้นทางสังคมของเธอ

เมื่อเทียบกับปัจจุบัน ตัวถังมาตรฐานของยุค 50 หนักกว่าที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน รูปร่างผอมบางที่เราทุกคนเชื่อว่าเป็นรูปร่างในอุดมคตินั้นเป็นเพียงมาตรฐานความงามล่าสุดเท่านั้น นอกเหนือจากรูปร่างที่โค้งเว้าแล้ว สิ่งหนึ่งที่เราเห็นในประวัติศาสตร์ทั้งหมดเมื่อพูดถึงเรื่องความงามก็คือผลิตภัณฑ์ดูแลผิว

ไม่ว่าจะเป็นการหลบแดดเพื่อให้ผิวซีด หรือการอาบโคลนเพื่อล้างพิษ ผู้หญิงทุกคนต่างต้องการผิวสวยตั้งแต่เช้าตรู่ โชคดีที่ตอนนี้เรามีครีมต่อต้านริ้วรอยที่ได้รับการพิสูจน์ทางวิทยาศาสตร์และความเข้าใจมากขึ้นเกี่ยวกับวิธีรักษาผิวของเราให้ดูดีที่สุด (ไม่ต้องใช้สารตะกั่วหรือสารปรอท!)

ความคิดสุดท้าย มาตรฐานความงามไม่คงอยู่และเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ สิ่งที่คุณรู้สึกว่าสวยงามในตอนนี้อาจไม่ใช่ในอีกสิบปีข้างหน้า ในขณะที่เราอาศัยอยู่ในโลกที่เราแสดงโฆษณาและสื่อที่มีเรือนร่างที่แต่งรูป สิ่งสำคัญคือต้องจำไว้ว่าแบรนด์ต่างๆ พยายามที่จะแสดงเรือนร่างที่หลากหลายมากขึ้นและความงามประเภทต่างๆ ที่มีอยู่ในโลก ท้ายที่สุดแล้วความงามนั้นอยู่ในสายตาของคนดู การมองเห็นความงามของคนหนึ่งแตกต่างจากของอีกคนหนึ่ง

 

สนับสนุนเนื้อหาโดย    เครื่องช่วยฟังราคาถูก

การวิจัยล่าสุดเกี่ยวกับการบริโภคโปรตีนและมวลกล้ามเนื้อ

คำแถลงจุดยืนมาจากปี 2559 การวิจัยล่าสุดชี้ไปที่อะไร เช่นเดียวกับ Hunnes การวิเคราะห์อภิมานในปี 2022 จากการศึกษา 69 ชิ้น แนะนำให้ยึดตามคำแนะนำด้านล่างสุดของคำแถลงจุดยืน

โปรตีนและมวลกล้ามเนื้อ จากการวิจัยก่อนหน้านี้ ผู้เขียนระบุว่าการรับประทานโปรตีน 1.5 กรัมต่อน้ำหนักตัว 1 กิโลกรัม

ซึ่งเท่ากับโปรตีน 0.7 กรัมต่อปอนด์ น่าจะเพียงพอต่อการสร้างความแข็งแกร่งเมื่อรวมกับการฝึกด้วยแรงต้าน ประเด็นเกี่ยวกับการฝึกด้วยแรงต้านคือการเตือนว่ามวลกล้ามเนื้อไม่ได้เป็นเพียงผลผลิตของการบริโภคโปรตีน

ถ้าใครต้องการสร้างกล้ามเนื้อให้มากขึ้น พวกเขาจำเป็นต้องเพิ่มความเข้มข้นของการฝึกความแข็งแรง น้ำหนักที่มากขึ้น จำนวนครั้งที่สูงขึ้น หรือทั้งสองอย่างและสลายเส้นใยกล้ามเนื้อของพวกเขา จากนั้นพวกเขาจำเป็นต้องกินอาหารที่ดีต่อสุขภาพ” Hunnes กล่าว

การศึกษาในปี 2022 ที่ทำการศึกษาชาวจีนกว่า 4,800 คนที่มีอายุตั้งแต่ 60 ปีขึ้นไป แนะนำว่าผู้เข้าร่วมเพศชายที่บริโภคมากกว่า 78 กรัมต่อวันและผู้หญิงที่บริโภค 68 กรัมต่อวันมีการป้องกันมวลกล้ามเนื้อต่ำได้ดีที่สุด

พวกเขากินโปรตีนน้อยกว่า 20 กรัมต่อมื้อ และโปรตีนส่วนใหญ่มาจากพืช การทบทวนอย่างเป็นระบบและการวิเคราะห์เมตาอีกครั้งในปี 2565 ของการบริโภคโปรตีนในผู้ใหญ่ที่มีสุขภาพดี แนะนำว่าโปรตีน 1.6 กรัมต่อกิโลกรัมของน้ำหนักตัวต่อวันสามารถช่วยให้บุคคลที่มีอายุต่ำกว่า 45 ปีมีมวลกายเพิ่มขึ้นเล็กน้อย ผู้ที่มีอายุมากกว่า 45 ปี

เห็นการเพิ่มขึ้นเล็กน้อยเท่านั้น การทบทวนอย่างเป็นระบบและการวิเคราะห์เมตาในปี 2020 ของการทดลองแบบสุ่มควบคุมก่อนหน้านี้ระบุว่าการเพิ่มปริมาณโปรตีนต่อวันสูงถึง 3.5 กรัมต่อน้ำหนักตัวหนึ่งกิโลกรัมในช่วงมื้ออาหารหลายมื้อสามารถช่วยให้ผู้คนเติบโตหรือรักษามวลกล้ามเนื้อได้

ความเสี่ยงและอาการของการบริโภคโปรตีนมากเกินไป การบริโภคโปรตีนมากเกินไป  มากกว่า 2 กรัมต่อน้ำหนักตัวหนึ่งกิโลกรัมต่อวันมีความเสี่ยง Rose-Flores กล่าวรวมถึง ไตทำงานผิดปกติ การเพิ่มน้ำหนักที่ไม่ต้องการ เพิ่มความเสี่ยงต่อโรคกระดูกพรุน ภาวะโลหิตจาง

งานวิจัยจากปี 2020 ระบุว่าอาหารที่มีโปรตีนสูงไม่ได้เพิ่มความเสี่ยงต่อสุขภาพไตหรือกระดูก แต่เรียกร้องให้มีการทดลองทางคลินิกที่นานขึ้น อย่างไรก็ตาม “อาหารที่มีโปรตีนสูง” ถูกจำแนกเป็นโปรตีน 1.07–1.60 กรัมต่อน้ำหนักตัว 1 กิโลกรัม ไม่ใช่ 2 กรัมตามที่ Rose-Francis ระบุ นอกจากนี้ Best สังเกตว่าผู้ที่บริโภคโปรตีนมากเกินไป

สำหรับน้ำหนักและระดับกิจกรรมอาจประสบกับสิ่งต่อไปนี้ ความหงุดหงิด การขาดน้ำ ความเหนื่อยล้า คลื่นไส้ ความเสี่ยงและอาการของการได้รับโปรตีนไม่เพียงพอ โอกาสที่ถ้าคุณอาศัยอยู่ในสหรัฐอเมริกา คุณจะได้รับโปรตีนเพียงพอถ้าคุณทานอาหารที่ค่อนข้างหลากหลาย และคุณได้รับแคลอรีเพียงพอในประเทศนี้

และคุณไม่มีโรคประจำตัว เช่น โรคลำไส้อักเสบจากการสูญเสียโปรตีน หรือตับวาย คุณเกือบจะได้รับโปรตีนเพียงพออย่างแน่นอน” ฮันเนสกล่าวว่า อะไรคือสัญญาณที่บ่งบอกว่าคุณได้รับไม่เพียงพอRose-Francis กล่าวว่า “โปรตีน [จำนวน] ที่ไม่เพียงพออาจส่งผลให้ระบบภูมิคุ้มกันอ่อนแอลง ขาดสารอาหาร

บวมน้ำเนื่องจากของเหลวไม่สมดุล ผมบาง และการสูญเสียกล้ามเนื้อเป็นภาวะแทรกซ้อนระยะยาวที่เกิดจากการได้รับโปรตีนไม่เพียงพอ” Rose-Francis กล่าว ไม่น่าแปลกใจที่งานวิจัยจากปี 2019 ระบุว่าผู้ที่รับประทานโปรตีนไม่เพียงพอจะมีมวลกล้ามเนื้อและความแข็งแรงลดลง

 

สนับสนุนเนื้อหาโดย    เครื่องช่วยฟังที่เสียงรบกวนน้อยที่สุด

เคล็ดลับเพื่อคงความกระฉับกระเฉงตลอดวัน

การใช้ชีวิตที่แอคทีฟเป็นมากกว่าแค่การเข้ายิมตามจำนวนครั้งที่กำหนดต่อสัปดาห์ ก็เป็นสิ่งที่ควรทำและได้รับการปฏิบัติที่ต่อเนื่องอยู่เสมอ แต่เป็นเรื่องของการตัดสินใจอย่างมีสติตลอดทั้งวันเพื่อใช้ชีวิตอย่างมีสุขภาพที่ดี

ทุกคนเคยได้ยินคำว่า ขึ้นบันไดเสมอและนั่นเป็นจุดเริ่มต้นที่ดี แต่มีนิสัยมากมายที่คุณสามารถรวมเข้ากับวันของคุณเพื่อเพิ่มระดับกิจกรรมทั่วไปของคุณ

ปรับปรุงการเผาผลาญของคุณและเผาผลาญแคลอรีมากขึ้น ดังนั้น คุณรู้สึกดีที่สุดเสมอและทำให้มีกำลังในการใช้ชีวิตติ่ไปด้วยและสิ่งเหล่านี้จะช่วย

เพิ่มความกระชับหรืออาจะเรียกว่าเป็นเคล็ดลับเพื่อทุกคนก็ได้ โดย้ริ่มค่อยๆทำสิ่วเหล่านี้ต่อวันโดยใช้เวลาไม่มาก แต่มีการทำอย่างสม่ำเสมอ

กระฉับกระเฉงตลอดวัน ลองตั้งโต๊ะแบบตั้งพื้น หนึ่งในอุปสรรคที่ใหญ่ที่สุดที่ผู้คนต้องเผชิญเมื่อพูดถึงการคงความกระฉับกระเฉงตลอดวันคือชีวิตการทำงานและนิสัยที่พวกเขาสร้างขึ้นจากกิจวัตรการทำงาน การนั่งลง 8/9 ชั่วโมงต่อวันก็แย่พอแล้ว แต่นั่นประกอบกับท่าทางที่ไม่ดีที่หมอบลงบนหน้าจอแล็ปท็อป ลืมมันซะ!

เราขอแนะนำให้คุณทำงานจากโต๊ะทำงานแบบตั้งตรงเป็นเวลาอย่างน้อยส่วนหนึ่งของวัน เพื่อช่วยให้คุณรู้สึกตื่นตัวมากขึ้น ปรับปรุงท่าทางของคุณ และรู้สึกกระฉับกระเฉงมากขึ้น

การออกกำลังกาย 15 นาที ต่อวันแน่นอนว่าการออกกำลังกายเป็นวิธีที่ชัดเจนที่สุดในการคงความกระฉับกระเฉงในแต่ละวัน แต่เราทุกคนไม่ได้มีเวลาหรูหราพอที่จะใช้เวลาหนึ่งชั่วโมงในโรงยิมทุกวัน วิธีที่ดีในการต่อสู้กับปัญหานี้คือการออกกำลังกาย 15 นาทีในช่วงเริ่มต้นของช่วงพักกลางวัน เมื่อคุณเสร็จสิ้นวันทำงานหรือแม้กระทั่งก่อนเข้านอน มีการฝึกโยคะและพิลาทิส 15 นาทีที่ยอดเยี่ยมบน YouTube เพื่อช่วยให้คุณพัฒนาความแข็งแรงของแกนกลาง ความยืดหยุ่น และสุขภาพจิตที่ดี!

หัดเดินขึ้นบันไดเสมอ ควรค่าแก่การกล่าวถึงเพียงเพื่อให้คุณจดจำในครั้งต่อไปที่ต้องเผชิญกับทางเลือก  ถ่านเครื่องช่วยฟัง    บันไดหรือบันไดเลื่อน! หนึ่งจะนำไปสู่การเผาผลาญที่เร็วขึ้น ให้พลังงานและเอ็นโดรฟินที่เร่งรีบแก่คุณ และปรับปรุงสุขภาพหัวใจและหลอดเลือดของคุณ อีกอันจะช่วยให้คุณประหยัดเวลา 0.2 วินาทีและเพิ่มเวลาหน้าจอของคุณ

ทเงนี้อย่าลืมติมพลังให้ร่างกายของคุณ อย่าประมาทพลังของโภชนาการที่เหมาะสม! การทานคาร์โบไฮเดรต โปรตีน และไขมันในปริมาณที่เหมาะสมเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับระดับพลังงานของคุณตลอดทั้งวัน ไม่มีพลังงานใดเท่ากับไม่มีแรงจูงใจในการออกกำลังกาย! IdealFit มีโปรตีนรสอร่อยมากมายให้คุณเขย่า เพิ่มในสมูทตี้ยามเช้าของคุณ หรือเพิ่มระดับการอบของคุณ เพื่อให้คุณพร้อมเสมอ

วิธีหลีกเลี่ยงการเป็นหวัด

วิธีหลีกเลี่ยงการเป็นหวัด อุณหภูมิลดลงและกลางวันสั้นลง เมื่อเราเข้าสู่ฤดูหนาว เราทุกคนมีความเสี่ยงสูงที่จะเป็นหวัดหรือไข้หวัดใหญ่ แต่มีหลายอย่างที่คุณสามารถทำได้เพื่อเพิ่มระบบภูมิคุ้มกันของคุณเพื่อช่วยหลีกเลี่ยงความทุกข์ยาก

ขณะที่คุณนั่งอยู่บนรถในตอนเช้า คุณอาจรับรู้ถึงเสียงไอและจามมากขึ้น ไม่มีทางหลีกเลี่ยง ฤดูหนาวกำลังมา

และฤดูหนาวก็มีความเสี่ยงสูงที่จะเป็นหวัดและไข้หวัดใหญ่ สาเหตุของการเพิ่มขึ้นของฤดูกาลนี้ไม่เคยได้รับการพิสูจน์อย่างแน่ชัด แต่มีวิธีพิสูจน์ทางวิทยาศาสตร์มากมายในการปรับปรุงภูมิคุ้มกันของคุณ ซึ่งอาจช่วยให้คุณหลีกเลี่ยงอาการเซื่องซึมที่น่ากลัวได้ ฉันจะแจ้งให้คุณทราบความลับ

สิ่งที่ควรรู้ว่าควรกินและดื่มอะไร เราทุกคนทราบกันดีอยู่แล้วเกี่ยวกับการเพิ่มปริมาณวิตามินซีเพื่อเพิ่มระบบภูมิคุ้มกันของเรา แต่ความจริงแล้วมีอะไรมากกว่านั้นเพียงแค่แทะส้มหนึ่งหรือสองผล ระบบภูมิคุ้มกันของคุณอาศัยวิตามิน A, C และ E

ในการสร้างและซ่อมแซม การรับประทานผักและผลไม้สดให้หลากหลายควรให้ความสมดุลที่ดีแก่คุณ น้ำยังมีส่วนสำคัญอย่างมากในการทำงานของภูมิคุ้มกัน

โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการขับล้างสารพิษ คุณสามารถหาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับวิธีที่อาหารสามารถช่วยสนับสนุนระบบภูมิคุ้มกันที่แข็งแรงได้ที่นี่

การรักษาทัศนคติเชิงบวก (PMA) การมีทัศนคติที่ดีต่อจิตใจ (PMA) ไม่เพียงแต่ช่วยให้คุณมีหน้าที่การงานที่ดี (และในชีวิตทั่วไปเท่านั้น) นอกจากนี้ยังสามารถช่วยป้องกันความเจ็บป่วย นี่เป็นเพราะเราปล่อยฮอร์โมนที่แตกต่างกันขึ้นอยู่กับมุมมองของเรา

การคิดเชิงบวกจะปล่อยฮอร์โมนเสริมภูมิคุ้มกัน DHEA ในขณะที่การคิดเชิงลบจะปล่อยฮอร์โมนคอร์ติซอลที่กดภูมิคุ้มกัน ดังนั้นการคิดบวกจะช่วยให้คุณมีสุขภาพที่ดี

การเปลี่ยนการออกกำลังกายของคุณให้ดีและมีประสิทธิภาพ การออกกำลังกายมีความสำคัญในการเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกันของคุณ เพราะจะกระตุ้นการผลิตเซลล์เม็ดเลือดขาว ซึ่งเป็นเซลล์ที่โจมตีแบคทีเรีย และยังช่วยเพิ่มการไหลเวียนของเซลล์ภูมิคุ้มกันของคุณ อย่างไรก็ตาม สิ่งสำคัญคือต้องเปลี่ยนแปลงกิจวัตรประจำวันของคุณ

การออกกำลังกายที่มีความเข้มข้นสูงทุกครั้งอาจทำให้ระดับคอร์ติซอลและอะดรีนาลีนสูงขึ้น ซึ่ง  เครื่องช่วยฟัง    เป็นสัญญาณว่าคุณอยู่ภายใต้ความเครียดมากเกินไป สิ่งนี้สามารถนำไปสู่ระบบภูมิคุ้มกันอ่อนแอและการฟื้นตัวได้ไม่ดี พยายามเปลี่ยนกิจวัตรการออกกำลังกายของคุณด้วย

การผสมผสานระหว่างการออกกำลังกายแบบเข้มข้นสูงและปานกลาง คุณสามารถมุ่งเน้นไปที่คาร์ดิโอในวันหนึ่ง ต้านทานอีกวันและยืดหยุ่นในวันรุ่งขึ้น นี่คือกิจวัตรการออกกำลังกาย 7 วันที่ยอดเยี่ยมสำหรับความฟิตและสุขภาพโดยรวมที่ดี

การดื่มสุรา ดื่มหนักเกินไป

 

มีหลายสิ่งหลายอย่างต่างๆมากมาย ที่เรานั้นกระทำและมันก็เกิดผลเสีย  ต่อสุขภาพร่างกายของเราแต่ใครหลายคนอาจจะยังไม่เคยได้เรียนรู้  หรือว่าสังเกตเกี่ยวกับพฤติกรรมต่างๆเหล่านี้  ของตนเอง

เลยว่ามันส่งผลเสียต่อสุขภาพร่างกายของเรา  มากมายแค่ไหนแน่นอนว่าสิ่งที่เราควรจะให้ความสำคัญเป็นอันดับแรก  ก่อนที่เราจะศึกษาเรื่องราว หรือนั่นก็คือเรื่องราวที่เกี่ยวข้องกับสุขภาพร่างกาย 

การดื่มสุรา ดื่มหนักเกินไป ภายในร่างกายของเราไม่สมบูรณ์แข็งแรง  การที่เราต้องไปทำสิ่งต่างๆหรือว่ากิจกรรมที่มันก่อให้เกิดผลเสียต่อร่างกาย มันก็ไม่ได้เป็นผลดีเลย

เชื่อได้เลยว่าใครหลายๆคนในที่นั้น ต่างก็เป็นนักดื่มคอทองคำ  แน่นอนว่าการดื่มแอลกอฮอล์ไม่เป็นผลดีต่อร่างกายของเรา และแอลกอฮอล์ถ้าหากว่าเราดื่ม ในปริมาณที่พอเหมาะพอควร  มันก็มีผลดีต่อร่างกายของเราด้วยเช่นเดียวกัน 

ซึ่งแน่นอนว่ามันจะทำให้เลือดลม ในร่างกายของเราไหลเวียนได้เป็น   อย่างดี แต่ถ้าหากว่าเราดื่มหนักมากเกินไป มันก็ไม่มีผลต่อกระทบในระยะยาว ไม่ว่าการจะเกิดโรคภัยไข้เจ็บต่างๆ ตามมา เป็นโรคตับแข็ง หรือว่าโรคหลายๆอีกมากมายที่เกิดขึ้น

  เราเองต่างก็อาจจะรับมือกับมันไม่ทันซึ่งเรื่องราวที่เรากำลังจะพูดถึง   ก็เป็นเรื่องราวที่เกี่ยวข้องกับการดื่มหนักเกินไปCDC ได้รายงานว่าผู้ชายที่ดื่มแอลกอฮอล์ 3-4 แก้วในแต่ละวัน

  จะมีความเสี่ยงสูงที่จะเกิดโรคมะเร็งในช่องปากและลำคอและ มีโอกาสเป็น 2 เท่าของการเป็นโรคตับแข็ง และความดันในเส้นเลือดสูง มีคำแนะนำทางการแพทย์ คืออนุญาตให้คุณดื่มแอลกอฮอล์ได้เต็มที่ 2 วันใน 1 สัปดาห์ การดื่มหนักเกินไป  มันไม่ได้เป็นผลดีต่อร่างกายของเราเลยแม้แต่น้อย  อย่างที่ทุกคนก็รู้กันดี  ก็เลยมีผลงานวิจัยทางการแพทย์ออกมา

  เพื่อยืนยันแล้วและการยอมรับมากเกินไป  มันทำให้แอลกอฮอล์สะสมในร่างกายของเรา  ในปริมาณที่มากทำให้เกิดโรคใดตามมาอย่างต่อเนื่อง  ซึ่งโรคร้ายต่างๆก็มีการแสดงออกที่แตกต่างกัน ความรุนแรงของเราก็ต่างกันอีกด้วย

ดังนั้นแล้ว ไม่ว่าคุณจะดื่มแอลกอฮอล์ หรือว่าทำอะไรกับร่างกายของเรา  เราควรที่จะคิดไตร่ตรองให้ดีขึ้นจากการดื่มแอลกอฮอล์ไม่เป็น ดื่มน้ำผลไม้ ดื่มน้ำผัก เพื่อเพิ่มคุณค่าให้กับร่างกายของเรา จะไม่ดีกว่าหรือในช่วงแรกมันอาจจะยาก  แต่ถ้าดื่มแอลกอฮอล์ไปเรื่อย ๆในปริมาณไม่มาก มันจะเป็นผลดีต่อร่างกายของเราแน่นอนการดื่มก็ไม่ใช่ว่าจะเป็นเสียอย่างเดียว แต่ควรดื่มในปริมาณที่เหมาะสมไม่มากและไม่น้อยจนเกินไปดื่มในปริมาณที่เหมาะสมจะทำให้เกิดผลดีกับร่างกายได้เช่นเดียวกัน

 

สนับสนุนเรื่องราวโดย  เครื่องช่วยฟังคนหูหนวก