สถานที่ขอเลขเด็ดในกรุงเทพฯ

         พูดถึงสถานที่สำหรับไปขอเลขเด็ดในการซื้อหวยเฉพาะในกรุงเทพฯนั้นก็มีหลายที่ด้วยกัน  คนที่นิยมซื้อหวยส่วนใหญ่มักจะเดินทางไปยังสถานที่ที่ศักดิ์สิทธิ์และมีคนไปกราบไหว้กันเยอะ    ซึ่งในตอนแรกคนส่วนใหญ่ก็มักจะเดินทางไปกราบไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์เพื่อขอพรให้มีแต่ความเจริญรุ่งเรืองแต่หลังจากขอพรให้ตนเองเสร็จแล้ว

ส่วนใหญ่ก็มักจะมองหาเลขเด็ดไม่ว่าจะเป็นจากอ่างน้ำมนต์หรือแม้แต่ตัวเลขจากการเสี่ยงเซียมซีดูตัวเลขที่มาจากจำนวนประทัดที่สุดสำหรับการแก้บนหรือการบวงสรวงก็ตาม

          สำหรับในครั้งนี้เราจะมาแนะนำสถานที่ที่นับว่าเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ซึ่งคนส่วนใหญ่มักเดินทางไปเพื่อขอพรให้สิ่งศักดิ์สิทธิ์คุ้มครองแต่ในขณะเดียวกันก็มีคนบางกลุ่มที่นิยมการเล่นหวย เดินทางมาเพื่อทำการขอเลขเด็ดและเมื่อได้ตัวเลขไปก็มีการเล่าลือถึงความศักดิ์สิทธิ์เพราะตัวเลขที่ได้ไปนั้นเมื่อนำไปซื้อหวยก็ถูกและได้เงินรางวัลกันเป็นจำนวนมากเลยทีเดียว สำหรับสถานที่ที่ว่านั้นมีที่ไหนบ้างลองมาดูกันค่ะ 

  • ศาลอนุสาวรีย์เจ้าแม่หมูทองคำ   สำหรับสถานศักดิ์สิทธิ์ของเจ้าแม่หมูทองคำนี้เป็นสารที่สร้างขึ้นมาเพื่อเป็นอนุสรณ์สถาน เพื่อต้องการให้ผู้คนนั้นมากราบไหว้ขอพรซึ่งสถานที่ที่สร้างศาลอนุสาวรีย์แห่งนี้นั้นถูกสร้างขึ้นอยู่ฝั่งตรงข้ามกับกระทรวงมหาดไทยโดยมีการสร้างมาตั้งแต่ช่วงปีพุทธศักราช 2456   ถึงแม้จะผ่านมาหลายปีแต่ผู้คนก็ยังพากันเดินทางมาบนบานศาลกล่าวและมาขอพรรวมทั้งมาขอหวยโดยส่วนใหญ่แล้วเมื่อผู้คนเดินทางมาไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่นี่ก็จะมีการนำผลไม้ติดไม้ติดมือมาไหว้ด้วยเนื่องจากว่าเจ้าแม่หมูทองคำนั้นนิยมผลไม้ทุกชนิดในการนำมาเซ่นไหว้นั่นเอง
  • ศาลองค์เทพพระวิษณุ  ที่นี่เป็นอีกหนึ่งในสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ที่ไม่ว่าใครมีเรื่องเดือดร้อนอะไรก็มักจะมากราบไหว้ขอพรไม่ใช่เพียงแค่การขอหวยเท่านั้นแต่ไม่ว่าจะมีเรื่องร้อนใจแบบไหนหากมาขอพรกับองค์เทพพระวิษณุแล้วก็พระองค์จะช่วยให้สมหวังทุกรายไปซึ่งสถานที่ที่มีการก่อสร้างให้พระองค์ประดิษฐานอยู่นั้นตั้งอยู่ใกล้กับบริเวณศาลว่าการของกรุงเทพมหานครซึ่งอยู่ติดกับวัดสุทัศน์นั่นเอง  โดยมีการก่อสร้างขึ้นมาตั้งแต่ปีพุทธศักราช 2525    สำหรับการขอพรแด่องค์เทพพระวิษณุนั้นนิยมใช้เป็นผลไม้อันได้แก่กล้วยน้ำว้าสุกหรือไม่ก็เป็นสับปะรดอีกทั้งยังชื่นชอบการดื่มนมสดและชอบดอกไม้ซึ่งเป็นดอกดาวเรืองอีกด้วย

และนี่เป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ที่อยู่ใกล้กับแหล่งที่ตั้ง่ของหน่วยงานราชการ ซึ่งไม่ใช่เพียงแค่ชาวบ้านทั่วไปเท่านั้นที่จะมาขอพร หรือมาขอเลขเด่นกับสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งสองแห่งนี้ แม้แต่เหล่าบรรดาข้าราชการ หรือนักการเมืองทั้งหลายต่างก็พากันมาเช่นกัน

 

ขอบคุณผู้ให้การสนับสนุนโดย  แทงหวยออนไลน์

ลมพิษ (Urticaria) 

ท่านทราบหรือไม่ว่า การรับประทานยาแก้ปวดเป็นเวลานาน  การรับประทานอาหารบางชนิดที่เราไม่คุ้นเคย การรับประทานเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์  รวมถึงความร้อนจากแสงอาทิตย์ และภาวะของความเครียดทั้งหมดนี้เป็นสาเหตุหนึ่ง  ที่ทำให้เกิดปฏิกิริยาตอบสนองต่อสิ่งที่เป็นตัวกระตุ้นให้เกิดอาการแพ้ ที่พบเห็นมากที่สุดจะแสดงอาการทางผิวหนัง  จะปรากฏเป็นผื่นบวมนูนสีขาวล้อมด้วยสีแดง มีขนาดและรูปร่างแตกต่างกัน

และส่งผลทีชัดเจนในผู้ป่วย ประการแรกคือ มีอาการคัน และมีอาการแสบร้อนในบริเวณที่เป็นผื่น การเกิดลมพิษ ในร่างกาย พบว่า เกิดขึ้นได้ทุกส่วน ใบหน้า ลิ้น ริมฝีปาก คอ หรือ หู

ในประเทศไทย ลมพิษมีอยู่เพียง 2  ชนิด คือ ลมพิษชนิดเฉียบพลัน และลมพิษชนิดเรื้อรัง อาการที่เกิดในลมพิษชนิดเฉียบพลัน จะหายไปได้เองอย่างรวดเร็ว ไม่เกิน 2 วัน หรือ มากสุดไม่เกิน 1 เดือนครึ่ง ส่วนลมพิษชนิดเรื้อรัง จะมีอาการ เกิน 1 เดือนครึ่ง และเป็น ๆ หาย ๆ แต่ถึงอย่างไร ก็ไม่อันตรายถึงชีวิตได้ แต่ผลของโรคจะส่งผลต่อการดำเนินชีวิตของผู้ป่วย ให้เกิดความไม่สบายตัวในการทำภารกิจ การงานใด ๆ และส่งผลต่อการพักผ่อนของร่างกายที่ 1 ใน 3 ต้องเป็นเวลาของการพักผ่อนนอนหลับ แพทย์ระบุว่า เกิดขึ้นใน เพศหญิงมากกว่า เพศชาย

ยังไม่พบสาเหตุแน่นอน ของการเกิดโรคลมพิษ แต่ที่พบบ่อย มักมีสาเหตุมาจากการได้รับสิ่งกระตุ้นหลาย ๆ อย่างจากการดำเนินชีวิต ตั้งแต่ ตื่นนอน จนถึง การเข้านอน และ 1 ใน 3 ของผู้ป่วยเกิดจากระบบภูมิคุ้มกันร่างกายทำลายตัวเอง หรือที่เรียกว่าปฏิกิริยาแพ้ภูมิตัวเอง การรักษาอาการนี้  จึงทำได้เพียงเบื้องต้น ที่การให้ยารักษาอาการคัน

และผู้ป่วยต้องสังเกต การได้รับสิ่งผิดปกติ เข้าร่างกาย ไม่ว่า จะเป็นการได้มา โดยการกิน การสัมผัส สิ่งแปลกปลอมอื่น ๆ ในช่วงเวลาที่มีอาการคัน และดีที่สุด หากรักษาเบื้องต้นด้วยตัวเองไม่ได้ผล ก็ควรรีบปรึกษาแพทย์เพื่อให้สั่งยา ที่เหมาะสมกับอาการของโรค  ประมาณ 1 ใน 4 ของผู้ป่วยลมพิษระยะเฉียบพลันและ 50 %  ของผู้ป่วยระยะเรื้อรัง

มักจะมีอาการบวมของเนื้อเยื่อในชั้นลึกของผิว  และเป็นอันตรายถึงชีวิตถ้ามีผลต่อการหายใจ ทางการแพทย์ พบว่า โรคลมพิษ มีผลต่อการพัฒนาไปสู่โรคอันตราย เช่น ไทรอยด์ หรือ ข้ออักเสบ รูมาตอยด์ ซึ่งล้วนส่งผลต่อชีวิตของผู้ป่วย นั่นคือ ผู้ป่วยโรคลมพิษ จึงควรหมั่น ตรวจสอบตัวเอง

และควรหลีกเลี่ยงอะไร ในการดำเนินชีวิตในแต่ละวัน เพื่อให้บรรเทา และป้องกันโรคลมพิษได้ด้วยตัวเอง รวมไปถึงระมัดระวังในการรับประทานยาต่างๆ ประเภทยาชุด หรือยาประเภท ยาปฏิชีวนะ เพราะเป็นอีกสาเหตุหนึ่ง ที่ส่งผลต่อการไปกระตุ้นให้เกิดลมพิษได้เช่นกัน

 

สนับสนุนโดย  แทงหวยออนไลน์